วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

4 ยักษ์ใหญ่ไอทีร่วมกันพัฒนา Data Transfer Project ช่วยให้ผู้ใช้โอนข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มได้

4 ยักษ์ใหญ่ไอที Google, Microsoft, Facebook และ Twitter ได้ประกาศถึงความร่วมมือครั้งสำคัญ ในการพัฒนา "Data Transfer Project (DTP)" ซึ่งเป็นโปรเจคโอเพ่นซอร์สสำหรับใช้สร้างเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนข้อมูลไปมาระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีการอัพโหลด หรือดาวน์โหลดซ้ำ


    หลักการของ DTP คือ การใช้ตัวแปลงต่างๆ มาสร้าง API ให้ออกมาเป็นไฟล์ข้อมูลที่สามารถเข้าใจได้ง่าย โดยที่ตัวแปลงจะมี 2 แบบ คือ "ส่วนของการนำเข้า และส่งออกข้อมูล" กับ "ส่วนการยืนยันตัวตน และความถูกต้องเพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้" โดยถ้าว่ากันในทางปฏิบัติแล้ว มันจะทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนรูปภาพจาก Instagram ของตนไปยัง Flickr หรือ Google Photos ได้โดยไม่ต้องมีการดาวน์โหลดกับอัพโหลดใหม่อีกครั้ง

     โดยที่ระบบจะทำการรวมข้อมูลหลากหลายประเภท ทั้งอีเมล์, รายชื่อผู้ติดต่อ, ปฏิทิน และงานต่างๆ ซึ่งประเภทของข้อมูลจะถูกเรียกว่า "Data Models"


     
วิเคราาะห์ข่าว
      การที่ทั้ง Google, Microsoft, Facebook และ Twitter  ร่วมมือกันพัฒนา DTP ว่งผลให้ผู้ใช้ง่ายได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งเรื่องการส่งต่อไฟล์ หรือการเชื่อมต่อระหว่างกัน
    

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

10 เทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้น และน่าสนใจในปี 2018

1. ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ

     ซึ่งผู้ที่ใช้เทคโนโลยีนี้รายแรกคือ Vivo นั่นเอง โดยใช้เทคโนโลยี Clear ID FS9500 chip ฝั่งเข้าไปในหน้าจอ AMOLED ช่วยให้อ่านลายนิ้วมือได้อย่างแม่นยำ 

2. มือถือที่สามารถพับหน้าจอได้ (Foldable Phone)

  หลังจากมือถือรุ่นแรกที่พับหน้าจอและขายจริงออกมาอย่าง ZTE AXON M ซึ่งทำให้คนชอบเทคโนโลยีหน้าจอใหญ่ตื่นตัวกับมือถือแบบนี้ แต่ข่าวหลุดภายในบอกว่า Samsung อาจจะพัฒนามือถือจอพับได้ออกมาช่วงปลายปี 2018 มีชื่อว่า Galaxy W เพราะคงรอเทคโนโลยีจอ Super AMOLED แบบพับได้อย่างสมบูรณ์ก่อน

3. Apple กับการพัฒนาอุปกรณ์ AR ครั้งแรก

     ที่ผ่านมา Apple เริ่มให้ความสนใจเทคโนโลยี AR หรือ augmented reality โดยเน้นการแสดงผลภาพร่วมกับโลกข้อความเป็นจริง ที่แตกต่างจากเทคโนโลยร VR (Vistual Reality) พอสมควร

4. ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่แนบเนียนกับคน จนแยกไม่ออก

    ความน่าตื่นเต้นในปีก่อนคือ ระบบคำสั่งงานด้วยเสียงเริ่มรับคำสั่งคนได้หลากหลายและทำให้ชีวิตหลายคนสะดวกขึ้น

5. ลำโพงฉลาดที่เน้นคุณภาพเสียง

     Amazon ถือว่าเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนา Smart Speaker หรือ ลำโพงอัจฉริยะที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่านระบบรับคำสั่งอย่าง Amazon Alexa แต่ดูเหมือนกับลำโพงเหล่านี้จะไม่เข้าตานักฟังเพลงเพราะคุณภาพนั้นยังไม่เข้าขั้น

6. Project Treble ออกมาเพื่อแก้ปัญหา Software ของ Android

      Google กำลังทำอีก Project หนึ่งกับระบบปฏิบัติการ Android โดยมีชื่อว่า Project Treble โดยเป็นโปรเจ็คที่จะทำให้เครื่องสามารถอัปเกรดได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งระบบนี้ถูกติดตั้งใน Android 8.0 Oreoใหม่ แต่อาจจะไม่ครบทุกเครื่อง

7. การกลับมาของมือถือจีน ที่ราคาไม่แพง

     อีกไม่นานคาดว่ามือถือที่มีชื่อเสียงในจีนอย่าง OPPO, Huawei, Xiaomi, และ Brand อื่นๆ จะบุกเข้าตลาดทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกาเนื่องจากมีราคาไม่แพง แต่มีคุณภาพ 

8. Google กับการทำมือถือ AI ครั้งแรก

     ปืที่ผ่านมา Google ได้ส่ง Pixel 2 เข้าตลาดและได้รับความนิยมสูงเพราะคะแนนกล้องของรุ่นนี้ทำได้ดีจนมือถือกล้องมากกว่า 1 ตัว

9. iPad Pro ที่ไร้กรอบและใช้ Face ID

     ปีนี้คาดว่า iPad ที่จะออกใหม่ในปีนี้ จะมีระบบปฏิบัติการคล้ายกับ iPhone X ที่สามารถใช้ Face ID ได้

10. เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่จะยืนยาวมากขึ้น

     และหลังจากเกิดความผลิตพลาดในเรื่องแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Note 7 และปัญหา Battery Gate ของ iPhone ในปี 2016 ก็ทำให้ผู้ผลิตเริ่มตื่นตัวในเรื่องความปลอดภัยของแบตเตอรี่ มากขึ้นอีกด้วย


วิเคราะห์ข่าว 
     ในอนาคตคาดว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะในปัจจุบันยังพัฒนาขึ้นมาจากอดีตเยอะมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอนว่าอีกไม่นาน เทคโนโลยีจะเข้าถึงผู้ใช้งานทุกคน




วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เช็ก 'สกินแคร์' หมดอายุ รู้มั้ยใช้ได้นานแค่ไหน?

   การที่เราซื้อสกินแคร์ต่างๆมา บางครั้งเราอาจจะใช้แค่นิดหน่อย แล้วหยุดใช้ไปซักพัก หรือ ซื้อมาในครั้งเดียวแล้วอยากกลับมาใช้อีก เราอาจไม่รู้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่เราซื้อมานั้น ยังสามารถใช้ได้อยู่อีกหรือไม่ 
ดังนั้น เราจึงรวบรวมข้อมูล ให้ทุกท่านได้ทราบกัน ดังนี้

     1. โทนเนอร์ ใช้ได้ 6-12 เดือน

     2. โฟมล้างหน้า ใช้ได้ 6-12 เดือน

     3. ครีมทาหน้า ใช้ได้ 6-12 เดือน

     4. อายครีม ใช้ได้ 6 เดือน

     5. ครีมอาบน้ำ ใช้

     6. ครีมทาผิว ใช้ได้ 6-12 เดือน

     7. น้ำหอม ใช้ได้ 3 ปี

     8. ครีมกันแดด ใช้ได้ 1 ปี




วิเคราะห์
      จากหัวข้อข่าว หลังที่เราเปิดใช้งานครั้งแรก ควรนับเวลาการใช้งานให้ถูกต้อง เพื่อสุขภาพของตัวเราเอง 
1. โทนเนอร์ ใช้ได้ 6-12 เดือน 2. โฟมล้างหน้า ใช้ได้ 6-12 เดือน 3. ครีมทาหน้า ใช้ได้ 6-12 เดือน 4. อายครีม ใช้ได้ 6 เดือน 5. ครีมอาบน้ำ ใช้

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1329983
1. โทนเนอร์ ใช้ได้ 6-12 เดือน 2. โฟมล้างหน้า ใช้ได้ 6-12 เดือน 3. ครีมทาหน้า ใช้ได้ 6-12 เดือน 4. อายครีม ใช้ได้ 6 เดือน 5. ครีมอาบน้ำ ใช้

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1329983

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

อดดูหนังโป๊! เพิ่มมาตรการไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 เข้าเว็บฯ

 
   
    ในปัจจุบันหนังโป๊ เป็นเรื่องที่หาดูง่ายมาก ตามอินเทอร์เน็ต ทำให้เด็กที่ยังไม่ถึงวัยอันควร เข้าไปดูได้ ทำให้เกิด กฎหมายใหม่ ที่ระบุชัดเจนว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาอายุเกิน 18 ปี เพื่อดูเนื้อหาเกี่ยวกับความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ ดยวิธีที่เป็นไปได้คือต้องระบุตัวตนผ่านหมายเลขประจำตัว หรือหมายเลข Passport

    
    คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยให้ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่าบุตรหลานของตนกำลังรับชมเนื้อหาที่เกินกว่าวัยของพวกเขาอยู่หรือไม่

วิเคราะห์ข่าว 
     คิดว่าการทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะเด็กที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์จะได้ไม่หมกหมุ่น อยู่กับหนังโป๊